นักเรียนที่รับผิดชอบ
1.น.ส.นรนารถ ด้วงรักษ์
2.น.ส.สายฝน คงแก้ว
3.ด.ญ.จุฑารัตน์ หลีแก้ว
4.น.ส.ปริยา ยังชุม
5.น.ส.ลัดดาวัลย์ มากมูล
6.น.ส.ลัดดาวัลย์ มากมูล
7.น.ส.ธมลวรรณ วิชา
8.ด.ญ.อรนิภา ชนะนาค
9.ด.ญ.วิไลวรรณ นนทสิทธิ์
แสดงหนังสือที่ได้รับรางวัลซีไรต์ตั้งแต่พุทธศักราช 2522 - 2553 หนังสือดีที่ได้ควรอ่านและหนังสือที่ได้รับรางวัลแว่นแก้ว
แสดงหนังสือที่ได้รับรางวัลซีไรต์ตั้งแต่พุทธศักราช 2522 - 2553 หนังสือดีที่ได้ควรอ่านและหนังสือที่ได้รับรางวัลแว่นแก้ว
เพียงความเคลื่อนไหว ( 2523 )
กวีนิพนธ์ของเนาวรัตน์ ถือว่าเป็นงานร่วมสมัยที่
มีเอกลักษณ์ ในแง่ที่ว่าได้รวมเรื่องของเฉพาะยุคหรือเฉพาะแห่ง
กับเรื่องของสากลเข้าไว้ด้วยกัน ในขณะเดียวกันที่เขาได้สำเหนียก
ถึงความเปลี่ยนแปลงในหลายๆ ด้านของชีวิตในยุคนี้ เขารู้ถึงวิธีที่จะทำให้-
ความซับซ้อนนั้นเป็นอมตะตลอดกาล ด้วยการแสดงออกเป็นปรัชญาแห่งความ-
คิดในรูปแบบที่กะทัดรัดสละสลวย
ทั้งนี้มิใช่ว่าเขาจะมีวิธีการแสดงปรัชญาด้วยระบบที่เด็ดขาดก็หาไม่ หากแต่เขามีสายตาประหนึ่งผู้พยากรณ์ซึ่งมองทะลุผิวหน้าของสรรพสิ่งเพื่อค้นหาความหมายที่ลึกซึ้งกว่า อย่างไรก็ตาม เขาก็มิได้เทศนา ยิ่งกว่านั้น เนาวรัตน์มีวีที่จะแสดงอารมณ์ที่รุนแรงได้อย่างสง่างามและทรงศักดิ์ ความสามารถ ในการใช้รูปแบบกวีนิพนธ์ของเขานั้น เป็นที่ยอมรับอยู่แล้ว เขาเป็นศิลปินผู้เชี่ยวชาญทั้งในด้านฉันทลักษณ์ตามแบบแผน และทั้งด้านเพลงพื้นบ้านถึงขนาดที่เรียกว่าในเพลงกล่อมเด็ก เนาวรัตน์ก็อาจสอดสาระทางการเองและทางสังคมที่ร้อนแรงได้
เพียงความเคลื่อนไหว เป็นตัวอย่างที่ดียิ่งของลักษณะแบบเพลงพื้นบ้านของ
กวีนิพนธ์ของเขา เนาวรัตน์ส่งสารถึงหัวใจโดยตรง เขาแสดงถึงความสำนึกเกี่ยวกับสิ่งที่ควรกระทำ การรับเอาปัญหาทั้งปวงของเพื่อนมนุษย์ และเหนือสิ่งใด ความซื่อสัตย์ของเขาให้เห็นเด่นชัดในบทกวีทุกบท
คุณสมบัติเหล่านี้ทำให้เกิดลักษณะร่วมในกวีนิพนธ์ยุคนี้ อาจจะถือได้ว่า เขาเป็นนักเขียนที่โน้มน้าวจิตใจได้มากที่สุดผู้หนึ่งของไทยในสมัยปัจจุบัน และเขาดูจะตระหนักถึงความจริงที่ว่าอุดมการณ์ไม่สามารถจะใช้แทนหัวใจของมนุษย์ได้
คำพิพากษา ( 2525 )
คำพิพากษาเป็นนวนิยายที่มีการผสานอย่างกลมกลืน ระหว่าง
แนวคิด ที่มีลักษณะสากลรูปแบบและเนื้อหาซึ่งสะท้อนเอกลักษณ์ของสังคมไทย (ทั้งยังใช้กลวิธี และ ท่วงทำนองแปลกใหม่กว่านวนิยายไทยเรื่องอื่นๆ คือ ไม่มีพระเอก นางเอก ซึ่งจะต้องผูกพันกันในเรื่องของความรัก ) เป็นนวนิยายที่มีความสมบูรณ์ทางวรรณศิลป์
ผู้ประพันธ์ได้เสนอแนวคิดที่ว่า คนในฐานะปัจเจกชนมักจะตกเป็นเหยื่อความเชื่อ และคำตัดสินของสังคม แม้ว่าจะมีความจริงหรือไม่ก็ตาม ซึ่งมีผลให้บุคคลอ้างว้างโดดเดี่ยว และทุกข์ทรมานจนถึงทำลายทั้งจิตใจและร่างกายในที่สุด
ผู้ประพันธ์ได้สร้างเรื่องโดยใช้สังคมของชนบทไทยเป็นฉาก ใช้วิธีดำเนินเรื่องแบ่งออกเป็น 3 ตอน คือนำเรื่องโดยวิธีเสนอภูมิหลังจูงใจให้คนติดตามอ่านและช่วงแรกดำเนินด้วยเหตุการณ์ที่เสมือนร่างแห รัดรั้งชีวิตตัวเอกโดยไม่อาจดิ้นหลุด ส่วนช่วงหลังได้เสนอการต่อสู้ของตัวเอกที่หาทางออกไม่ได้ จึงหาทางหนีจากโลกแห่ง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น