วันอังคารที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ชาติ กอบจิตติ ผู้แต่งเรื่องคำพิพากษาและเวลา



ประวัติย่อ  ชาติ กอบจิตติ ผู้แต่งวรรณกรรมซีไรต์ เรื่องคำพิพากษาและเวลา ปี2525และ2537
ชาติ กอบจิตติ เกิดเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน พ.ศ.2497 ที่บ้านริมคลองหมาหอน ตำบลบ้านบ่อ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร เป็นบุตรคนที่สอง ในจำนวนพี่น้องผู้หญิง 5 คน และผู้ชาย 4 คน รวมเก้าคน ชื่อเดิมคือสุชาติ แต่เขาเห็นว่าคนใช้ชื่อนี้กันมาก จึงเปลี่ยนมาเป็น "ชาติ" พ่อของเขาเป็นพ่อค้าขายเกลือเม็ด ส่วนแม่ขายของเล็กๆน้อยๆ ต่อมาพ่อก็ไปค้าทราย และขายของชำ
         เขาเริ่มเรียนชั้นประถมที่โรงเรียนวัดใหญ่ บ้านปอ แล้วย้ายไปเรียนที่โรงเรียนเอกชัยในจังหวัดเดียวกัน เพราะไปอยู่กับยายชั่วคราว เมื่อพ่อไปค้าทรายที่ราชบุรี เขามาเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 7 ที่โรงเรียนปทุมคงคาเมื่อ พ.ศ.2509 โดยอาศัยอยู่กับพระซึ่งเป็นเพื่อนของอาที่วัดตะพาน หรือวัดทัศนารุณ มักกะสัน พอเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปี่สามแล้วก็เรียนต่อเพาะช่าง ในสาขาภาพพิมพ์
           เนื่องจากเป็นคนชอบวาดรูป ชอบเขียนหนังสือ ฝันใฝ่ที่จะเป็นนักประพันธ์ เรื่องสั้นเรื่องแรก คือ เรื่อง "นักเรียนนักเลง" เขียนลงในหนังสืออนุสรณ์ปทุมคงคา 2512    ได้มีโอกาสเขียนบทละครแสดงที่เพาะช่างมากกว่าสิบเรื่องบางเรื่องได้แสดงเองด้วย  ตอนที่เรียนอยู่ชั้นปีที่ 2 เคยสมัครไปทำงานเปิดบาร์อะโกโก้  ที่ถนนพัฒน์พงษ์  เพื่อหางานเรียน พ.ศ. 2515 ช่วงเรียนชั้นปีที่  3  ศิริพงษ์  อยู่ชวนไปทำอาร์ตเวิร์คหนังสือ  เสนาสาร  ยุคดารา  อยู่ระยะหนึ่งและได้เขียนวิจารณ์โทรทัศน์
            เขาแต่งงานเมื่อ พ.ศ.2520 กับเพื่อนสาวที่เรียนจบเพาะช่างมาด้วยกัน ชื่อ รุจิรา เตชะศีลพิทักษ์ ซึ่งรับราชการอยู่กองโบราณคดี  แผนกซ่อมจิตรกรรมฝาผนัง  กรมศิลปากร  แล้วลาออก  ซึ่งต่อมาได้ช่วยกันทำกระเป๋าไปฝากขายตามห้าง ซึ่งมีรายได้ดี เคยได้รวมงานกับรุ่นน้องที่เพาะช่างทำสำนักพิมพ์ สายธาร  พิมพ์หนังสือออกมาหลายเล่ม วันหนึ่งได้นำเรื่องสั้นชื่อว่า ผู้แพ้ มาให้เรืองเดช อ่านซึ่งตอนนั้นเรืองเดชได้รวมงานกันอยู่  เรืองเดชได้อ่านแล้วเห็นว่าเรื่องนี้ดีเลยส่งไปให้สุชาติสวัสดิ์ศรีที่กำลังทำ  โลกหนังสือ  อยู่ในขณะนั้นพิจารณา  ปรากฏว่าเรื่องสั้น ของชาติ  กอบจิตติ  ได้ลงพิมพ์ในโลกหนังสือฉบับเรื่องสั้นชุด  คลื่นหัวเดิ่ง เมื่อพ.ศ.2522  และเป็นหนึ่งในสองเรื่องที่ได้รับรางวัล  ช่อการะเกด  ของสุชาติ  สวัสดิ์ศรี ซึ่งถือกันว่าเป็นรางวัลที่ได้มาตรฐานมากที่สุดรางวัลหนึ่งและเรื่องเดี่ยวกันนี้  ยังได้รางวัลชมเชยจากการคัดเลือกเรื่องสั้นดีเด่นประจำปี  2522 ของสมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย
            ระหว่างพ.ศ. 2532 2535 ได้เดินทางไปอยู่ที่สหรัฐอเมริกาและออสเตรเลีย  ได้มีผลงานออกมาจากการเขียนเรื่องสั้นบันทึกชีวิตที่นั้นบางเรื่อง จนพ.ศ. 2536  ก็จัดพิมพ์นวนิยายเรื่อง  เวลา  โดยสำนักพิมพ์  หอน  ของตัวเอง  ปรากฏว่าได้รับรางวัลซีไรต์  ประจำปี  2537  นับเป็นนักเขียนคนแรกที่ได้รับรางวัลซีไรต์ซ้ำเป็นครั้งที่ 2 และเรื่องเดียวกันนี้ได้รับรางวัลนวนิยายดีเด่นจากคณะกรรมการพัฒนาหนังสือแห่งชาติและกระทรวงศึกษาธิการประจำปี 2537
            ปัจจุบัน เขาทั้งคู่ไม่มีบุตรด้วยกัน จึงใช้ชีวิตอยู่เงียบๆที่ไร่ในอำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมาเขาทำงานด้านการเขียนเพียงอย่างเดียว นอกจากเรื่องสั้นและนวนิยายแล้ว  ในระยะหลังยังเขียนบทความและบทภาพยนตร์เพิ่มขึ้น 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น